Irrational predictable: แง้มประตูไว้ก่อน

--

เซี่ยงหยี่ นายพลนำทัพเพื่อโจมตีกองทัพราชวงศ์ฉิน ได้เผาเรือเเละสั่งให้ทหารทุบหม้อข้าวตัวเองทิ้ง เซี่งหยี่อธิบายว่าเมื่อไม่มีทั้งเรือเเละหม้อข้าว พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้จนเเตกหักไปข้าง เมื่อได้ยินเช่นนั้นกองทหารได้หึกเหิมอย่างมาก เเละได้รับชัยชนะในการศึกที่ตามมาอีกเก้าครั้ง…ซึ่งคล้ายคลึงกับเรื่องราวทุกหม้อตีเมืองจันท์ของเจ้าตาก

เรื่องของเซี่ยงหยี่สวนทางกับพฤติกรรมโดยทั่วไปของมนุษย์ โดยปกติเเล้ว เราจะไม่ยอมรับเเนวคิดเรื่องการปิดประตูทางเลือกของตัวเองเเน่ๆ

เรามักวิ่งรอกไปมาท่ามกลางสิ่งต่างๆที่อาจจะมีความสำคัญ เเต่เรากลับลืมทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งที่สำคัญจริงๆมันเป็นเกมของคนเขลา เเละเราเล่นเก่งซะด้วยสิ

เรามักซื้อคอมเครื่องเเรง…เผื่อไว้ใช้งาน

เรามักซื้อหนังสือดีๆดังๆ…เผื่อไว้มีเวลาอ่าน

เราอยากซื้อรถเปิดประทุน…เผื่อไว้ใช้ในเมืองที่ร้อนหนักมาก เเละฝนตกหนักมาก ตลอดทั้งปี

เรามักให้ลูกลองกิจกรรมทุกๆด้านให้มากที่สุด…เผื่อจุดประกายให้เค้าค้นพบตัวเอง

จริงๆเราเเค่ทนรับความคิดว่าจะสูญเสียอะไรไปไม่ได้ เเละจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้โอกาสนั้นหลุดมือไป

คำถามคือ…

เราจะรู้ทันตัวเองเเละอยู่เหนือเเรงกระตุ้นที่ไร้เหตุผลให้เราไล่ล่าทางเลือกที่ไร้ค่าเหล่านั้นได้อย่างไร?

“สำหรับคนยุคใหม่ เราไม่ได้กำลังประสบกับการขาดโอกาส เเต่ปัญหาเกิดจากมีโอกาสมากมายจนล้นเหลือต่างหาก(Ref: Escape from Freedom, 1941)”

https://www.blog.thatsmandarin.com/wp-content/uploads/2017/06/feeling-lost.gif

เรากำลังเเยกร่างตัวเองมากไปหรือเปล่า?

เรามักจะซื้อของลดราคาที่ไม่ได้ใช้เพราะกลัวเสียโอกาสที่ไม่สามารถซื้อมันได้อีกในราคานี้

สำหรับคนคบซ้อน คุณรู้ตัวเเล้วว่าหนึ่งในนั้นไม่น่าเป็นคนที่ใช่ เเล้วทำไมคุณถึงยอมเอาความสัมพันธ์กับอีกคนเข้ามาเสี่ยง เพื่อรักษาสายสัมพันธ์ที่อาจจะโรยราและจบไม่น่าสวย ที่มองไม่เห็นอนาคต

เเต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ บางทีเราดันไม่รู้ตัวว่าบางสิ่งกำลังเป็นประตูที่ค่อยๆหายไป เเละเราจำเป็นต้องให้ความใส่ใจทันที

เราอาจทำงานหามรุ่งหามค่ำโดยลืมว่าเวลาที่เราสามารถมีให้กับพ่อเเม่ที่เเก่ชรากำลังใกล้จะหมดลง

เราอยู่บ้านเดียวกับสามี กลับมาเจอหน้ากันตลอด จนหลงลืมไปว่าการมองเค้าเป็นของตายทำให้เวลาของเราหมดลงอย่างไม่รู้ตัว

เเต่จะดีกว่าไหมถ้าเรามีเครื่องเตือนภัยในตัวที่ดังเมื่อประตูที่สำคัญกำลังจะปิดลง สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือเริ่มปิดประตูบางบานลงอย่างจงใจ ให้เริ่มจากประตูเล็กๆ

เราต้องเลือกว่าจะดูบอล เทนนิส ปิงปอง วอลเล่บอล พร้อมทั้งมีช่วงเวลาคุณภาพให้กับครอบครัวได้หรือไม่

บางทีเราควรทิ้งกีฬาบางอย่างไว้ข้างหลังบ้าง ควรปิดประตูเหล่านั้นเสียบ้าง มันจะสูบทั้งเเรงเเละเวลาไปจากเรา

https://employmentoffice.com.au/wp-content/uploads/2018/03/adobestock_96092853-1.jpeg

นอกจากเราจะเเง้มประตูไว้มากมายจนเหนื่อยเเล้ว การที่เราไม่ยอมตัดสินใจเเละรับไม่ได้กับสิ่งที่ต้องสูญเสียยิ่งเหนื่อยกว่า

สำหรับสภาคองเกรสที่มักทำให้งานร่างกฎหมายติดค้างมากมายในสภา เนื่องจากทุกร่างกฎหมายสำคัญไปเสียหมดเท่าๆกัน ด้วยเหตุผลนี้สภาจึกมักติดเเหงกอยู่ตรงกลางระหว่างสองประตู จะดีกว่าไหมถ้าสภาจะทำงาน เเต่งตั้ง ตัดสินงานต่างๆได้อย่างกระชับ ฉับไวเพื่อประโยชน์ของประชาชน

หรือคุณใช้เวลาตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนเพื่อเลือกซื้อกล้องดิจิตอลเป็นเวลาหลายๆเดือน เเละยอมทิ้งโอกาสมากมายที่จะใช้มันถ่ายเก็บช่วงเวลาแห่งความทรงจำของลูกคุณที่อาจผ่านเเล้วผ่านเลย

สิ่งที่เรามักลืมคิดไปคือ ผลกระทบของการไม่ได้ตัดสินใจ(ค่าเสียโอกาส)

สภาลืมคิดถึง…หัวอกประชาชน การกินดีอยู่ดีของประชาชนอีกหลายล้านชีวิต

เราลืมคิดถึง…ภาพอันน่าประทับใจมากมายที่ไม่ได้มีโอกาสถ่ายเก็บไว้

แต่สิ่งที่ร้ายกว่าคือ ถ้ามันสำคัญใกล้ๆกันเเล้ว ไม่ว่าเลือกทางใดผลลัพธ์เเทบจะไม่ต่างกันมาก…เเต่เราหลงลืมคิดไป

ดังนั้นเเล้วสำหรับเด็กๆอนาคตของชาติในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ยังตัดสินใจเลือกคณะเเละมหาลัยไม่ได้

หรือคนที่มีโอกาสมากมายเข้ามา เเละเมื่อพิจารณาถี่ถ้วนเเล้วเเทบจะ ดี เเย่ ไม่ต่างกัน

หรือ product owner ผู้ที่เห็นทุก feature ต่างก็สำคัญไปเสียหมด จนไม่สามารถจัด priority ได้

อย่าหลงลืม เเละปล่อยให้ยืดเยื้อ หมกมุ่นในรายละเอียดมากไป…จนลืมคิดถึงผลกระทบของการการไม่ได้ตัดสินใจด้วยนะคะ

เนื้อหาอ้างอิงจากหนังสือ “Dan Ariely(2008). Irrational predictable” ซึ่งอ่านเเล้วประทับใจมากจนอดไม่เเชร์ต่อเนื้อหาดีๆเหล่านี้ต่อได้…

--

--

Siroratt Suntronsuk
Siroratt Suntronsuk

Written by Siroratt Suntronsuk

A Full stack software engineer ♦ Senior consultant ♦ Agile believer. Mobile Development Specialist and instructor with over 8 years experience

Responses (1)